amath y(t) = A*e^{-b*t}*sin( omega_{c} * t ) endamath
เมื่อ amath A endamath คือขนาดของสัญญาณ amath a endamath คืออัตราการลดทอน amath omega_{c} endamath คือความถี่มีหน่วยเป็น rad/sec และ amath t endamath คือเวลา
กลยุทธ์การสังเคราะห์เสียงลักษณะนี้ก็คือการใช้ตัวกรองที่มีผลตอบสนองอิมพัลส์ (Impulse Response) ที่มีหน้าตาแบบนี้เลย คือถ้าใส่อิมพัลส์เข้าไป ให้ตัวกรองส่งสัญญาณหน้าตาแบบนี้ออกมา ซึ่งเราสามารถสร้างตัวกรองดังกล่าวได้โดยใช้กรรมวิธีการออกแบบตัวกรองดิจิตัลแบบอิมพัลส์ไม่เปลี่ยนแปลง (Impulse Invariant Method)
ด้วยวิธี Impulse Invariant Method เราสามารถเขียนผลตอบสนองของตัวกรองดิจิตัลในรูปแบบสัญญาณดิสครีตได้ดังนี้
ซึ่งเราสร้างขึ้นมาเป็น sub-patch ให้รับอินพุตได้ 4 ค่าคือ
amath y(n) = A*e^{-k*n}*sin(omega_{d}*n) endamath
เมื่อ amath k endamath เป็นอัตราลดทอนที่แปลงมาจาก amath b endamath amath omega_{d} endamath เป็นความถี่ในโดเมนดิสครีตมีหน่วยเป็น rad/sample และ amath n endamath คือ index ของสัญญาณดิสครีต
ตัวกรองที่มีผลตอบสนองอิมพัลส์เป็นสัญญาณนี้คือตัวกรองที่มี Transfer Function - H(z) เป็น z-Transform ของสัญญาณนี้นั่นเอง ซึ่งจากตารางการแปลง z ทำให้เราทราบว่า
amath A*e^{-k*n}*sin(omega_{d}*n) -> (e^{-k}*sin(omega_{d})*z^{-1})/(1-2*e^{-k}*cos(omega_{d})*z^{-1}+e^{-2*k}*z^{-2}) endamath
เราสามารถสร้างตัวกรองนี้ใน puredata ได้โดยตรงโดยใช้ออบเจ็ค fexpr~ สร้างสมการผลต่าง (Difference Equation) ไดัเป็น
amath y(n) = e^{-k}*sin(omega_{d})*x(n-1)+2*e^{-k}*cos(omega_{d})*y(n-1)-e^{-2*k}y(n-2) endamath
และต่อเป็นแพตช์ใน puredata ได้ดังรูป
ซึ่งเราสร้างขึ้นมาเป็น sub-patch ให้รับอินพุตได้ 4 ค่าคือ
- อิมพัลส์ (x1 ใน fexpr~) เป็นตัวกระตุ้นตัวกรอง ซึ่ง puredata patch สำหรับอิมพัลส์สามารถดูได้จากผลงานเมื่อคราวก่อน
- อัตราการลดทอน (f2 ใน fxpr~ - หมายถึงอินพุตที่ 2 และเป็นตัวแปรประเภท Float) amath e^{-k} endamath
- ความถี่ในโดเมนดิสครีต หน่วยเป็น rad/sample (ระบุผ่าน f3 - amath cos(omega_{d}) endamath และ f4 - amath sin(omega_{d}) endamath)
- อัตราชักตัวอย่าง (Sampling Rate -fs) ไว้ใช้คำนวณค่า amath omega_{d} endamath ก่อนส่งเข้าไปใน fexpr~